ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม

ยุทธศักดิ์ติดเครื่อง เดินหน้าท่องเที่ยว 6 เดือน MOVE FORWARD

                     ผู้ว่าฯ ททท. แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน สานงานเดิมเพิ่มงานใหม่ ภายใต้การแข่งขันรอบด้านและเป้าหมายที่รัฐบาลตั้ง พร้อมสร้างพันธมิตร เสริมศักยภาพพนักงาน ส่งรายได้สู่ท่องเที่ยวชุมชน สู้สถานการณ์โลก และใส่ใจความยั่งยืน

 

                     วันนี้ ( 29 กุมภาพันธ์ 2559 ) นายยุทธศักดิ์  สุภสร   ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 โดยกล่าวว่า เป็นเกียรติและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับตำแหน่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและได้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยได้วางการทำงานทั้งด้านการทำตลาดท่องเที่ยวและด้านการดูแลพนักงาน ททท. ตามวิสัยทัศน์      “MOVE”  คือ  M = Marketing & more , O = Operating  Excellence , V =  Value Creation และ E = Effectiveness ซึ่งเป็นการเดินหน้าในการทำงานไปในทุกทิศทางอย่างรอบด้าน

                     ซึ่งในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558  โดย ททท. ได้ดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวเดินทางระยะใกล้ ได้แก่  การเชิญดาราที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง คือ เยิ่นต๊ะหัว และ หมีเซี่ยะ มาสักการะศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 23  กันยายน  2558   อีกทั้งการเดินหน้าจัดงาน TBEX Asia 2015 (Travel Blog Exchange) วันที่  15 – 17   ตุลาคม  2558  ซึ่งเป็นการจัดประชุม blogger กว่า 1,000 คนทั่วโลกในประเทศไทย และได้เผยแพร่ความสวยงามของประเทศไทยออกไปอย่างกว้างขวาง และในช่วงปลายปีได้จัดงาน Thailand Countdown 2016  เพื่อนำเสนอภาพที่สวยงามของประเทศผ่านการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก และสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ ในช่วงเทศกาลไม่ต่ำกว่า 100 ล้านครั้งก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2558 – 4 มกราคม 2559 ประมาณ 10,000 ล้านบาท  

                     ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศนั้น รณรงค์ด้วยแคมเปญ “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” ต่อเนื่องจากปี 2558 แต่จะมุ่งเน้นการต่อยอดและแตกให้มีความลึกและกว้างมากขึ้น เพื่อสร้างความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย นำไปสู่การสื่อสารเชิงคุณค่าสร้างแรงบันดาลใจ ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปค้าหาประสบการณ์ใหม่ ๆ พร้อมกันนี้ ยังสร้างความสมดุลของการท่องเที่ยวไปยังเมืองรอง อย่างแคมเปญ “เมืองต้องห้าม .. พลาด plus” และ “เขาเล่าว่า”   รวมทั้งได้สร้างการรับรู้ เห็นจริง และสัมผัสได้ ให้แก่นักท่องเที่ยว กับ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ปี 2559  ซึ่งได้รับผลสำเร็จมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีผู้เข้าชมงานรวม 613,325 คน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 9.5%  เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 35.2% คิดเป็นเงิน 309,791,423 บาท 

                      ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานสำหรับตลาดในประเทศไตรมาสแรกของปี 2559 จะมีการเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 37.45 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 มีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศประมาณ 2.11 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีที่ผ่านมา

                       นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการทำงานของ ททท. ที่มีทิศทางที่ชัดเจนแล้ว ตนยังได้แสวงหาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การทำงานบรรลุประโยชน์แก่ประเทศชาติร่วมกัน ด้วยโครงการต่างๆ อาทิ  โครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ “สถานีประชารัฐสุขใจ shop“ จำนวน 148 แห่ง ในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่ ททท.ได้ผนึกกำลังกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  กรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้แก่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง สร้างความยั่งยืนให้กับท้องถิ่น  นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรม “ท่องเที่ยววิถีไทย.. เก๋ไก๋ ลุ้นล้าน” ซึ่งเป็นโครงการเพื่อกระตุ้นตลาดในประเทศ โดยมุ่งให้คนไทยเที่ยวไทย ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น สร้างความแข็งแรงให้เศรษฐกิจฐานราก  คาดว่าจะมีรายได้หมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท

                        สำหรับตลาดต่างประเทศ ททท. มุ่งหาพันธมิตรลดการแข่งขันโดยเปลี่ยนเป็นแบ่งปันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีความใกล้ชิดกันทั้งด้านที่ตั้งและวัฒนธรรม  ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน โดย ททท. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ ASEAN FOR ALL และ  ASEAN FOR ASEAN ซึ่งเป็นการผนึกการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในระดับภูมิภาค  ให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เดินทางหมุนเวียนมาในภูมิภาคอาเซียนและเดินทางท่องเที่ยวไปมาระหว่างกัน ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง  (Thailand and Beyond ) ใช้การจัดงาน  Thailand Travel Mart  2016 เป็นเวทีที่จะสนับสนุนการซื้อขายสินค้าทางการท่องเที่ยวในภูมิภาคไปยังนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค

                         ในตลาดตะวันออกกลาง ททท.ได้เดินหน้ารุกตลาดอย่างเข้มข้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวในตลาดดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ  มีปริมาณการใช้จ่ายเฉลี่ย 6,500 บาท/คน/วัน สูงกว่านักท่องเที่ยวยุโรปที่มีการใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 5,500 บาท/คน/วัน   โดยเน้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ  การผลักดันให้รัฐบาลโอมานเลือกประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางหลักในการส่งคนไข้ของหน่วยงานรัฐของโอมาน มารักษาที่ไทย  ซึ่ง ททท. ได้ดำเนินการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศอิหร่านเช่นเดียวกัน  ทั้งนี้ปัจจุบันมี นักท่องเที่ยวโอมาน ปีละ 8.57 หมื่นคน คาดการณ์อีก 2 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10 % เป็น 1 แสนคน  ส่วนตลาดอิหร่าน คาดการณ์ในอีก 2 ปี นักท่องเที่ยวอิหร่าน จะเข้าไทยเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนราย จากปัจจุบัน

                           ที่มีนักท่องเที่ยวอิหร่านปีละ 8.82 หมื่นคน เพราะก่อนถูกคว่ำบาตรมีนักท่องเที่ยวอิหร่านมาไทยสูงถึง 1.7 แสนคนต่อปี     อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าตลาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง จะเดินทางเข้าไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวดังกล่าว โดยนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมีสัดส่วนประมาณ 10 % ของ
นักท่องเที่ยวต่างประเทศ  หรือประมาณ 2.8 ล้านคน ซึ่งแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป 70 %  และกลุ่มรักษาพยาบาล 30 %  แต่หลังจากใช้มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวนี้แล้ว กลุ่มรักษาพยาบาล จะเพิ่มขึ้นเป็น 40 %

                             อีกทั้ง ททท. ยังได้ลงนามความร่วมมืออีกหลายฉบับ อาทิ  การลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่าง ททท. กับ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สถานีโทรทัศน์ อาซาฮี คอร์ปอเรชั่น (TV Asahi) และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม และกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและองค์กรชั้นนำของญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้น ,  การลงนามความร่วมมือในงาน Luxury Thailand  ณ กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อปรับตลาดรัสเซียไปสู่ตลาดผู้มีรายได้สูง (ตลาดบน) โดยในปี 2559 นี้ ได้มีนโยบายและเป้าหมายนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ 1 ล้านคน เป็นต้น

                             อย่างไรก็ตาม เป้าหมายรายได้ทางการท่องเที่ยวปี 2559  ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2.41 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.56 ล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 8.5 แสนล้านบาท นั้น  ต้องกระจายลงไปสู่ประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวนในท้องถิ่นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งจากภายในสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ได้รับการดูแลอย่างถูกทาง

                             ไม่เพียงแต่การดำเนินงานด้านการตลาดท่องเที่ยวเท่านั้น  ด้านการบริหารองค์กรยังได้ดำเนินการควบคู่กัน กล่าวคือ  ผลักดันการแก้ไขพระราชบัญญัติ ททท. ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทการท่องเที่ยวในปัจจุบัน รวมถึงให้มีความทันสมัย และเป็นกฎหมายที่ยืดหยุ่นต่อสภาพการณ์ในอนาคตด้วย เช่น การปรับปรุงการลงทุนและการร่วมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวภายใต้พระราชบัญญัติ ททท. ให้มีความเหมาะสมและเป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูง เพื่อสร้างผลกำไรให้แก่องค์กร และทำให้ ททท. มีรายได้มากพอที่จะไปทำประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยวได้อย่างสูงสุด  รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินของ ททท. นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ    อีกทั้งการสร้างกำลังใจด้านการทำงาน โดยการผลักดันสวัสดิการพนักงานและลูกจ้าง ททท. โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเงินเดือนใหม่ของพนักงานและลูกจ้าง  รวมถึงการเยียวยาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างเงินเดือนของภาคราชการอีกด้วยนายยุทธศักดิ์กล่าวในตอนท้าย 

แสดงผล 1202 ครั้ง