ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวเศรษฐกิจ

ประเทศไทยเสริมบทบาทผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค เชิญผู้แทนหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติภายใต้กรอบความร่วมมือ GMS และภูฏาน ร่วมงาน TTM+ 2025 ณ จังหวัดเชียงใหม่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญผู้แทนหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภูฏานภายใต้นโยบายความร่วมมือระหว่างสองประเทศร่วมงาน Thailand Travel Mart Plus 2025 (TTM+) 2025 ระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 2568 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภูมิภาคและส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.) กล่าวว่า ททท. เดินหน้ายกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูมิภาค ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มสมาชิก Greater Mekong Subregion (GMS) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน (เฉพาะ 2 มณฑล ได้แก่ ยูนนาน และกว่างสี) ทั้งด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อและขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยงาน TTM+ 2025 ระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 2568 จังหวัดเชียงใหม่นี้ มีผู้แทนจากประเทศสมาชิก GMS ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมทั้งผู้แทนหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภูฏานตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ททท. และภูฏานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ภายใต้นโยบาย "Two Kingdoms, One Destination" ร่วมนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยว และหารือแนวทางยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยว เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยผู้แทนกลุ่ม GMS และ ภูฏาน ร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้อัตลักษณ์ของแต่ละประเทศให้กับผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ซึ่งเป็นผู้ซื้อจำนวนกว่า 400 ราย จาก 53 ประเทศทั่วโลก ตลอดจนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย 450 ราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการเสริมบทบาทของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวของภูมิภาคและสามารถเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย 

ในโอกาสเดียวกันนี้ ททท. ได้นำคณะผู้แทนประเทศสมาชิก GMS และผู้แทนจากประเทศภูฏาน นำโดย นางสาวเนย์ คยี วิน ชเว - กงสุล สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา นายพี เพียบ รองผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ นายพุนทโช เกลเชน ผู้อำนวยการกองส่งเสริมตลาด กรมการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ร่วมเดินทางทดสอบสินค้าคุณภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “5 Must Do in Thailand” ได้แก่ MUST TASTE – ชิมอาหารถิ่นระดับมิชลิน อาทิ ข้าวซอยนิมมาน, MUST TRY – สัมผัสการนวดฟ้อนเล็บที่ศิราสปา ซึ่งได้รับรางวัลกินรี 3 ปีซ้อน จึงได้รับรางวัล Hall of Fame สาขาสปา ในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ปี 2566, MUST BUY – เลือกชมและซื้อสินค้าชุมชน งานคราฟต์และหัตถกรรมท้องถิ่น ณ จริงใจมาร์เก็ต, MUST SEEK –เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด ไม่ว่าจะเป็นประตูท่าแพ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร  และวัดเจดีย์หลวง วรวิหาร ซึ่งมีพระพุทธรูปและโบราณสถานอายุเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ รวมถึง MUST SEE – ดื่มด่ำวัฒนธรรมท้องถิ่นล้านนาอันมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว  

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ททท. บูรณาการความร่วมมือ กับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและระหว่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายสามารถเดินทางเชื่อมโยงภายในภูมิภาคได้โดยสะดวก (Ease of Travelling) ควบคู่กับกิจกรรมด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ รวมถึงนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงทั้งทางบก ทางอากาศ ทางราง และทางน้ำ ในระดับภูมิภาคและอาเซียน อาทิ การเชื่อมโยงทางบกด้วยรถยนต์ (Self-drive) ผ่านกิจกรรมคาราวานรถยนต์เชื่อมโยงไทยกับสปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อกระตุ้นความถี่ในการเดินทางของนักท่องเที่ยว การเชื่อมโยงทางรถไฟด้วยการส่งเสริมการเดินทางระหว่างประเทศจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ไปยังสถานีคำสะหวาด ใน สปป. ลาว และเชื่อมต่อไปยังคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน การเดินทางในรูปแบบเรือสำราญเชื่อมโยงประเทศไทย-เวียดนาม-กัมพูชา-มาเลเซีย-สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่ม First Visit โดย ททท. เดินหน้าเจรจากับบริษัทเรือสำราญชั้นนำเพื่อผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากทั่วภูมิภาค  

ททท. คาดว่าจากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ประเทศคู่ความร่วมมือจะสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าทางการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าคุณภาพเพิ่มมากขึ้นและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างไร้รอยต่อเพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป 

  

แสดงผล 59 ครั้ง