ททท. พาเสน่ห์ไทยรุกอินเดียใต้ จัดงาน "Amazing Thailand Festival 2024 @ Chennai” พร้อมปักธงส่งเสริม Film Tourism ชี้ศักยภาพประเทศไทย เหมาะกับภาพยนตร์อินเดียในทุกมิติ
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รุกตลาดอินเดีย จัดงาน "Amazing Thailand Festival 2024 @ Chennai” ณ Express Avenue Mall, Central Atrium เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดีย เดินหน้าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยด้วยการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นและสินค้าการท่องเที่ยวตามแนวคิด 5 Must do in Thailand รวมถึงจัดแสดงกิจกรรมสาธิตเสน่ห์ไทย ทั้งด้านอาหาร แฟชั่นผ้าไทย ศิลปะการต่อสู้มวยไทย ตลอดจนจับมือพันธมิตรจัดกิจกรรม Joint Promotion มอบสิทธิประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวแก่ผู้เข้าร่วมงานฯ พร้อมกันนี้ ททท. ยังได้จัดงาน The Amazing Thailand Night: Director’s Cut ในวันที่ 28 กันยายน 2567 เพื่อส่งเสริม Film Tourism ผลักดันประเทศไทยสู่ฐานะ Flim Destination โดยได้เชิญผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เข้าแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และมองหาโอกาสในการร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยร่วมกันในอนาคต
นายรชา อารีพรรค กงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน กล่าวว่า งาน Amazing Thailand Fest 2024 @ Chennai จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 กันยายน 2567 ณ เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดีย จะเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ตลอดจนเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-อินเดียครบรอบ 77 ปี ด้วย โดยมาตรการของรัฐบาลไทยในการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สามารถเพิ่มการตัดสินใจในการเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย และส่งผลให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายการบินระหว่างประเทศไทยและอินเดียที่คาดว่าจะส่งผลให้มีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่าง 2 ประเทศในระยะอันใกล้ การจัดงานของ ททท. ในครั้งนี้ที่ได้นำเสนอ Film Tourism และเสน่ห์ไทยในหลากหลายรูปแบบคาดว่าจะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวไทย และเกิดเป็นเรื่องราวความประทับใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด ตามแนวคิดแคมเปญ "Amazing Thailand: your stories never end" ของ ททท.
นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. กล่าวว่า งาน "Amazing Thailand Festival 2024 @ Chennai” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจาก ททท. จะประชาสัมพันธ์เสน่ห์ไทยผ่านกิจกรรมตามแนวคิด 5 Must Do in Thailand อาทิ กิจกรรมสาธิตมวยไทย การชิมอาหารไทย(ข้าวเหนียวมะม่วง) กิจกรรมการแต่งชุดไทย พร้อมทั้งแนะนำเมืองน่าเที่ยวเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับวงการหนัง Tollywood โดยมีหน่วยงานพันธมิตร อาทิ การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย เข้าร่วมงาน และกิจกรรม DIY ทำยาดมสมุนไพรไทย ททท. ยังต้องการต่อยอดสร้างการรับรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบ Film Tourism เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่พร้อมเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเมืองเจนไน เมืองใหญ่อันดับ 4 ของอินเดีย เป็นเมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑูและเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและภาพยนตร์ของอินเดียใต้ ททท. จึงได้จัดงาน The Amazing Thailand Night : Director’s cut ณ Hyatt Regency Chennai Hotel ควบคู่กันด้วย โดยได้เชิญผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Soft Power ภาพยนตร์ นายกุลเทพ นฤหล้า ผู้บริหารบริษัท Benetone Films และ Dinesh Mehta นักแสดงชาวอินเดีย เข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์และมองหาโอกาสในการร่วมขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์และการท่องเที่ยวร่วมกันในอนาคต ทั้งยังได้เชิญผู้ประกอบการ Film Production Companies จำนวนกว่า 40 ราย และสื่อท้องถิ่น เข้าร่วมทำข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ ด้วย
ประเทศไทยมีความพร้อมในการอำนวยการผลิตสื่อภาพยนตร์อย่างครบวงจร มีอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความพร้อมด้านบุคคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ มีความหลากหลายของทัศนียภาพและโลเคชั่นถ่ายทำ รวมไปถึงความใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมระหว่างอินเดียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย รูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) อัตราสูงสุดร้อยละ 20 ตลอดจนความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างประเทศ ด้วยเส้นทางบินตรงจากเมืองเจนไนและเมืองอื่น ๆ ยิ่งตอกย้ำความคุ้มค่าและเหมาะสมในการเลือกประเทศไทยเป็น Film Destination และเป็นโอกาสที่ดีที่จะส่งเสริม Film Tourism สร้างความร่วมมือในการต่อยอดมิติการท่องเที่ยวจากภาพยนตร์ นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวมิติใหม่ ๆ และสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยในปี 2567 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ จำนวน 309 เรื่อง ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์โฆษณา สารคดี รายการท่องเที่ยว และมิวสิก วิดีโอจาก 32 ประเทศ ที่เดินทางเข้าถ่ายทำใน 55 จังหวัดทั่วประเทศไทย อาทิ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี ชลบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ พังงา และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยแล้วกว่า 3,900 ล้านบาท
ตลาดอินเดียเป็นอีกหนึ่งตลาดหลักระยะใกล้ที่มีสัญญาณการเติบโตที่ดีในปี 2567 ครองแชมป์ TOP 3 จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากที่สุด รองจากจีนและมาเลเซีย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -20 กันยายน 2567 ทั้งสิ้น 1,471,543 คน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองร้อยละ 75.77 และเป็นกลุ่มเดินทางครั้งแรกถึงร้อยละ 62.17 โดยนิยมเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน ทำธุรกิจและฉลองแต่งงานหรือครบรอบแต่งงาน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายและออกเดินทาง ได้แก่ กลุ่ม Family Millennials Health & Wellness Wedding & Honeymoon รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ (New Segment) ได้แก่ Women Travelers, Senior Citizen, Celebrations, Self-drive, Rejuvenating, Adventure และมีกรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม
นอกจากนี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย นโยบาย Connect India to the World ส่งเสริมให้พลเมืองออกเดินทางท่องเที่ยว และการกลับมาของจำนวนที่นั่งสายการบินร้อยละ 84 จากปี 2562 รวมทั้งมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราให้นักท่องเที่ยวอินเดียของรัฐบาลไทย และสัญญาณที่ดีของโอกาสด้านการบิน ทั้งการขยายเพดานบินระหว่างสองประเทศเป็น 42,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ จากเดิม 29,759 ที่นั่งต่อสัปดาห์ การเปิดตัวสายการบินใหม่ Akasa และการขยายเส้นทางเปิดเที่ยวบินใหม่สู่ประเทศไทย จำนวน 3 สายการบิน ได้แก่ สายการบิน Indigo เส้นทาง Hyderabad - Bangkok ความถี่ 1 เที่ยวบินต่อวัน, สายการบินไทย เส้นทาง Kochi - Bangkok โดยทำการบินทุกวันพุธ ศุกร์และอาทิตย์ วันละ 1 เที่ยวบิน, สายการบิน Thai AirAsia เส้นทาง Vishakhapatnam - Bangkok ให้บริการทุกวันอังคาร พฤหัสและอาทิตย์ ยิ่งตอกย้ำสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีและแนวโน้มที่สดใสของตลาดอินเดีย ซึ่งจะช่วยผลักดันเป้าหมายตลาดอินเดียอยู่ที่ 1.7 ล้านคน และสร้างรายได้ 80,870 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2567
แสดงผล 216 ครั้ง