ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวเศรษฐกิจ

ททท. บุกตลาดตะวันออกกลาง ชูแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยร่วมงาน Arabian Travel Market (ATM) 2023 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เร่งส่งเสริมตลาดศักยภาพกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 46 ราย เข้าร่วมงาน Arabian Travel Market (ATM) 2023 พร้อมตอกย้ำแคมเปญ Visit Thailand Year 2023: Amazing New Chapters   มุ่งสู่การสร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว     ด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ระหว่างวันที่ 1 - 4 พฤษภาคม 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า งาน Arabian Travel Market (ATM) 2023 เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 150 ประเทศ เข้าร่วมงาน ในปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์     ททท.เห็นถึงโอกาสในการส่งเสริมตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกับลูกค้ากลุ่มตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่สุดตลาดหนี่งของประเทศไทย ทั้งทางรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูงและมีโอกาสในการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Health & Wellness     และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable Travel) ซึ่งประเทศไทยพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ด้วย Soft Power ของไทย ทั้ง 5F : Food Fight Fashion Film และ Festival ที่จะสร้างความทรงจำและความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม โดย ททท. ได้ตั้งเป้าหมาย Sustainable Tourism Goals (STGs) ซึ่งต่อยอดจากแนวคิด 17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อเร่ง Shape Supply และยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยใน 4 มิติ ได้แก่ การบริหารจัดการ เศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม สู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ High Value และ Sustainable อย่างแท้จริง

พิธีเปิดคูหาประเทศไทยได้รับเกียรติจาก นายสรยุทธ ชาสมบัติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. และผู้บริหาร ททท. เข้าร่วม โดยกิจกรรมภายในคูหาประเทศไทย ประกอบด้วย กิจกรรมเจรจาธุรกิจ ซึ่ง ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 46 ราย ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม 32 ราย ธุรกิจนำเที่ยว 10 ราย 3 แหล่งท่องเที่ยว และ 1 แพลตฟอร์มทางการท่องเที่ยว ร่วมเจรจาและนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยแก่บริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ตะวันออกกลาง  กิจกรรมสาธิต ร้อยลูกปัดชุดโนรา บุหงารำไป วาดพัดกระดาษสา และการแสดงร่วมสมัยต่างๆ กิจกรรมให้ข่าวสารการท่องเที่ยว โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทย พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด Amazing New Chapters ด้วยแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศไทย และสื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ทั้งในรูปแบบ VDO และ e-Brochure นอกจากนี้ ผู้บริหาร ททท. ยังได้มีการร่วมเจรจาทิศทางการดำเนินงานส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวร่วมกับสายการบินพันธมิตรในตะวันออกกลาง เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและขยายเส้นทางการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอีกด้วย

ทั้งนี้ในปี 2565 นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจำนวน 314,882 คน โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศซาอุดีอาระเบียประมาณ 100,000 คน และจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมาณ 66,000 คน โดยนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางถือเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูงและระยะเวลาวันพักเฉลี่ยยาวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 220 ดอลลาร์สหรัฐ และมีวันพักค้างเฉลี่ย 11.14 วัน

แสดงผล 778 ครั้ง