ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม

ททท. ตอบโจทย์ความคาดหวังของรัฐบาล ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทยช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ตั้งเป้าโตเฉลี่ย 11.5%

ค่ำวันนี้ (9 กรกฎาคม 2561) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานและกล่าวเปิดการแถลงทิศทางการตลาดการท่องเที่ยวปี 2562 ของ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เป็นผู้นำเสนอ ซึ่งได้รับเกียรติจากนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ ททท. คณะกรรมการ ททท. ผู้บริหารของภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์    

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลคาดหวังใช้ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจลงสู่ท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการกระจายรายได้สู่จังหวัดที่ยังมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนต่ำกว่า 4 ล้านคนครั้ง ขณะเดียวกันการเข้าถึงชุมชนที่เปราะบางต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบและท้ายสุดประชาชนต้องอยู่ดีมีสุข นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายในปีหน้า ททท. ได้สนองตอบนโยบายดังกล่าวโดยวางแผนการตลาดภายใต้บริบทและการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในแถบยุโรปที่ยังอ่อนไหว อาจต้องพึ่งพิงตลาดต่างประเทศที่เดินทางจากระยะใกล้เพื่อลดความเสี่ยง การจำแนกกลุ่มลูกค้าแบบแยกย่อย อิงพฤติกรรมความต้องการตามกระแสนิยมส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจในโลกดิจิทัลที่ต้องปรับตัวอย่างมาก รวมถึงการรองรับ Big Data เพื่อการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดในการรักษาความเป็นผู้นำการตลาด

สำหรับในปี 2562 ททท. ยังคงดำเนินการต่อยอดใน 3 จุดเน้นเดิมได้แก่ 1.) ใช้วิถีการกินนำไปสู่การสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น เดินหน้าตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นเรื่องอาหารด้วย Michelin Guidebook 2019 เล่มที่สอง กำหนดเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงโครงการ Eat Thai, Visit Thai ที่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดตัวโครงการ 

ณ กรุงลอนดอน โดยแนวทางการทำงาน คือการใช้ร้านอาหารไทยในสหราชอาณาจักรเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์เผยแพร่อาหารไทยในแต่ละภูมิภาคไปยังเมืองใหม่ๆ ของสหราชอาณาจักร พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร การปรุง ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการวัตถุดิบจากเมืองไทยมากขึ้น  2.) สร้างมูลค่าเพิ่มด้วย content ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น เช่น เนื้อหาในแอพพลิเคชั่น รู้ไทยให้ทึ่ง ซึ่งรวมกูรูผู้รู้ด้านต่าง ๆ เล่าเกร็ดประเทศไทย ทั้งเชิงสังคม ศาสนา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อาหาร เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้มัคคุเทศก์ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวไปยังนักท่องเที่ยวต่อไป 3.) สร้างกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขยายผลจากกิจกรรมกำจัดขยะรูปแบบต่าง ๆ ด้วยเพราะคำนึงว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นการเพิ่มจำนวนคนเข้าประเทศ และเพิ่มโอกาสในการสร้างขยะ ซึ่งในปี 2561 ททท. ได้จัดกิจกรรมลักษณะนี้ไม่ต่ำกว่า 83 โครงการ และสามารถลดปริมาณขยะได้กว่า 1 หมื่นกิโลกรัม สำหรับในปี 2562 ททท. จะเพิ่มความสำคัญเรื่อง CSR in process โดยจะผนวกเข้าในระบบคิดของการทำงานทั้งงานภายในองค์กรและภายนอกองค์กร เพื่อให้การดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างครอบคลุมและรอบด้าน  และ 4.) เพิ่มเรื่องชูอัตลักษณ์เมืองรอง โดยสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวที่กระจายการเดินทางจากเมืองหลักสู่เมืองรองตามแนวคิด A B C ดังนี้ 

          A - Additional  คือ  เส้นทางเมืองหลักเชื่อมเมืองรอง                        
          B - Brand New คือ  เมืองรองที่มีศักยภาพ
          C - Combined  คือ  เส้นทางเมืองรองเชื่อมเมืองรอง

ทั้งนี้ ในการประเมินศักยภาพชุมชน เป็นการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนเจ้าของแหล่ง เพื่อสอบทานความต้องการเชิงการตลาดกับความพร้อมและความสมัครใจของชุมชนเจ้าของแหล่ง นำมา สู่การคัดกรองชุมชนที่พร้อมรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกสู่ตลาด 

สำหรับตลาดเป้าหมายกลุ่มผู้สูงวัย และสตรี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีกำลังซื้อ  ส่วนกลุ่ม Gen Y หรือ กลุ่ม Millennial (17-36 ปี)  ซึ่งมีความชัดเจนในวิธีคิด การใช้ชีวิต และบทบาทเด่นในการใช้โซเชียลมีเดียสามารถช่วยสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยว ขณะเดียวกันกลุ่มคนวัยทำงาน ตอบโจทย์         วันธรรมดาน่าเที่ยว มีส่วนช่วยแก้ปัญหาเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาห้องพักไม่เพียงพอ  สำหรับกลุ่มประชุมสัมมนา ท่องเที่ยวเป็นรางวัล จะช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์ของห้องพักได้มากขึ้นและจะผนวกกิจกรรมประเภท CSR ในชุมชนที่มีศักยภาพของพื้นที่นั้น ๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการประชุม เพื่อการกระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความผูกพันระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมในฐานะนักท่องเที่ยวที่มีต่อชุมชน

เป้าหมายและทิศทางปี 2562 ตามแผนวิสาหกิจของ ททท. ได้กำหนดให้เป้าหมายรายได้ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 โดยรายได้การเติบโตของตลาดต่างประเทศ      ร้อยละ 12 และในประเทศร้อยละ 10 ดังนั้น สำหรับตลาดต่างประเทศ ททท. จึงวางประเทศไทยเป็น Weekend Destination” สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ซึ่งจะสนับสนุนการเพิ่มจำนวนความถี่ในการเดินทางของตลาดมากขึ้น และดำเนินการส่งเสริมการตลาดต่างประเทศภายใต้ 5 ทิศทางหลัก คือ GO High / Go for New Customer / Go Local / Go Low Season และ Go Digital เพื่อเข้าถึงตลาดกลุ่มเป้าหมายแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะสื่อสารผ่านแคมเปญ Amazing Thailand : Open to the New Shades ซึ่งเป็น Working Concept โดยในปี 2562 จะนำเสนอ The Millions of Hidden Shades เชิญชวนชาวต่างประเทศเดินทางมาสัมผัสเมืองไทยในหลายแง่มุมที่ยังซุกซ่อนอยู่ เพื่อดื่มด่ำกับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก

ขณะที่ทิศทางการส่งเสริมตลาดในประเทศจะเน้นเรื่องการต่อยอดสร้างสรรค์ Content ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจที่ทำให้คนไทยรู้จักและรักเมืองไทยมากขึ้นไปกว่าเดิม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าการท่องเที่ยวของประเทศ และเชื่อว่าจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้จากการเพิ่มความถี่ในการเดินทางและค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันการสื่อสารภายในประเทศจะเน้นแคมเปญ Amazing ไทยเท่ ที่จะทำให้คนไทยเห็นว่าการเที่ยวเมืองไทยเป็นเรื่องเท่ ด้วยการเที่ยวแบบลึกซึ้งและเข้าถึง โดยใช้ศักยภาพคนท้องถิ่นทั่วไทยจะขนานนามว่า Local Hero เป็นทั้งผู้ปกป้อง สืบสานและถ่ายทอดวิถีชีวิต ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ธรรมชาติ ให้คงอยู่  อย่างไรก็ตาม ความสำคัญเร่งด่วน คือ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่มีอัตลักษณ์ ไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ขาดความรับผิดชอบ ซึ่ง ททท. เองยังต้องแสวงหาโอกาสทางการตลาด พร้อม ๆ กับการแสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

แสดงผล 1868 ครั้ง