ททท. จับมือ สายการบิน SCAT เชื่อมไทย-คาซัคสถาน เปิดเส้นทางใหม่“ชิมเคนต์–กรุงเทพฯ” เที่ยวบินแรกถึงไทย 16 ธันวาคมนี้ ตอบรับดีมานด์ขยายตัวต่อเนื่อง
วันที่ 16 ธันวาคม 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศข่าวดีความสำเร็จ Airline Focus สายการบิน SCAT เปิดเส้นทางบินตรง “ชิมเคนต์-กรุงเทพฯ" อย่างเป็นทางการ สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งเที่ยวบินแรก DV469 ออกเดินทางจากชิมเคนต์ สาธารณรัฐคาซัคสถาน พร้อมผู้โดยสารจำนวน 140 คน ถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 04.30 น. รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศคาซัคสถานและภูมิภาคเอเชียกลางเข้าไทยในช่วงฤดูท่องเที่ยวฤดูหนาว พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อและเพิ่มทางเลือกด้านการเดินทาง ตอบรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดดาวรุ่งศักยภาพ สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ททท. กล่าวว่า นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการรุกตลาดต่างประเทศภายใต้กลยุทธ์ Airline Focus โดย ททท. ได้บูรณาการความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกับสายการบิน SCAT เพื่อเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงเส้นทาง ชิมเคนต์-กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ รองรับการเดินทางในช่วงฤดูท่องเที่ยวฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคม 2569 เส้นทางใหม่นี้จะให้บริการด้วยเครื่องบิน โบอิ้ง 737-800 จำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ให้บริการในวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี โดยเที่ยวบินแรก DV469 ออกเดินทางจากชิมเคนต์ สาธารณรัฐคาซัคสถาน ในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 19.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมผู้โดยสารจำนวน 140 คน ถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 04.30 น. ขณะที่เที่ยวบิน DV470 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประเทศไทย เวลา 05.20 น. เดินทางถึงชิมเคนต์ สาธารณรัฐคาซัคสถาน เวลา 09.30 น. โดยให้บริการในวันอังคารและวันศุกร์
เส้นทางบินดังกล่าวช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวคาซัคสถานในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองชิมเคนต์ เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศคาซัคสถานที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจและ มีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการเดินทาง ตลอดจนเป็นโอกาสอันดีให้นักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานได้สัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงามของประเทศไทย ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็สามารถเดินทางไปยังคาซัคสถานและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียกลางได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ตอกย้ำศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบินของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค
ตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงของประเทศไทย ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานเฉลี่ยปีละประมาณ 50,000–60,000 คน ก่อนที่ลดลง อย่างมีนัยสำคัญในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ตลาดคาซัคสถานสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 นักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานเข้าไทย จำนวน 172,489 คน เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 189 จากปี 2565 และในปี 2567 มีจำนวน 195,089 คน ขยายตัวร้อยละ 13.10 สำหรับสถานการณ์ การเดินทางปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 ธันวาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 152,783 คน ซึ่งจำนวนลดลงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน แต่กระแสการเดินทางดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความภักดีของนักท่องเที่ยว และศักยภาพของประเทศไทยที่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานให้เดินทางมาในประเทศไทยได้ แม้ตลาดจะต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายภายในประเทศคาซัคสถานจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนพลังงานและเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงข้อจำกัดด้านจำนวนที่นั่งเที่ยวบินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวกลางปีที่ผ่านมา
ททท. ยังคงเชื่อมั่นว่า ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ อาทิ มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรานักท่องเที่ยว (Visa Exemption) ที่อนุญาตให้พำนักในประเทศไทยได้สูงสุด 30 วัน และสามารถขยายระยะเวลาพำนักได้ถึง 60 วัน ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ รวมถึงนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมตลาดคาซัคสถาน และข้อได้เปรียบด้านสภาพอากาศของประเทศไทยที่อบอุ่นกว่าคาซัคสถานตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม–มีนาคม และธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานนิยมเดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเสริมการตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดภูเก็ต ซึ่งยังคงอยู่ในความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานมาโดยตลอด
ภาพข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวล่าสุด