ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม

ททท. บุกตลาดอินเดียเปิดตัวแคมเปญ “Open to the New Shades of Amazing Thailand” หวังดึงนักท่องเที่ยวศักยภาพเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่อง

ค่ำวันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2561) ณ โรงแรม JW Marriott Aerocity กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเปิดตัวแคมเปญ “Open to the New Shades of Amazing Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดีย ถึงกลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยวของ ททท. ในปี 2561 และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว สินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมีนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. ผู้บริหาร ททท. ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดียเข้าร่วมงานจำนวนรายกว่า 200 ราย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร กล่าวว่า “จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และติดอันดับ 1 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มครอบครัวและนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ทำให้ในปีที่ผ่านมา (ปี 2560) มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยจำนวนมากกว่า 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงร้อยละ 18.2 สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 62,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 23.11 และคาดว่าสิ้นปี 2561 จะมีรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12 ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียนับเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไทยได้จำนวนมาก รัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียอย่างต่อเนื่อง”

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การมาเปิดตัวแคมเปญ Open to the New Shades of Amazing Thailand ในตลาดอินเดียนับเป็นการสร้างการรับรู้ถึงประเทศไทยในมุมมองใหม่ โดยในปีนี้ ททท. ยังคงดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและกำหนดแนวทางการส่งเสริมตลาดให้สอดคล้องกับเป้าหมาย    ในการเป็น Preferred Destination พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างความชัดเจนในการใช้ Thai Local Experience เป็นจุดขายหลักผ่านการสื่อสารในแนวคิดใหม่ ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรต่างสาขา เพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกับชุมชนกลุ่มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าบริการและกระจายรายได้ไปยังชุมชน กอปรกับจุดแข็งของประเทศไทยนั้นคือความหลากหลาย

ดังนั้นแคมเปญนี้จะมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของประเทศไทย Open to the New Shades จะเปิดเผยมุมมองใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกท่านเคยรู้จัก พร้อมทั้งแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว โดยโฟกัสไปที่นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางยังประเทศไทยแล้ว (Revisit) และนักท่องเที่ยวใหม่ที่ยังไม่เคยมาประเทศไทย (First visit) นอกจากนี้ ททท. ได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยผ่านดนตรี สามารถสร้างการรับรู้และสร้างการจดจำเรื่องราวของเมืองไทยได้ดียิ่งขึ้น”

จากแนวคิดนี้ ททท. จะนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและมีความหลากหลาย ได้แก่

-          อาหาร : อาหารไทยมีความหลากหลาย มีประเภทอาหารมากมายให้ได้ลองลิ้มชิมรสทั่วทั้งประเทศ  ไม่ว่าจะเป็น street food  อาหารชาววัง อาหารผสมผสาน หรืออาหารดั้งเดิมในครัวเรือน อีกทั้งขนมและของหวานที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

-          ธรรมชาติและชายหาดทะเล : ประเทศไทยถือว่ามีจุดเด่นเป็นอย่างมากในด้านธรรมชาติและชายหาดทะเล ททท. นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดระยองและจังหวัดตราดที่มีความสวยงาม    ไม่แพ้ชายหาดในพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียชื่นชอบอยู่แล้ว  

-          ศิลปะและงานหัตถกรรม : นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร  ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตและเรียนรู้ขั้นตอนการทำเครื่องเบญจรงค์ 

-          วัฒนธรรม : ประเพณีของไทยนั้นมีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของคนไทย อย่างประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทยในแต่ละท้องถิ่นก็มีอัตลักษณ์แตกต่างกัน เช่น งานประเพณีสงกรานต์มอญสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะสรงน้ำพระผ่านรางกระบอกไม้ไผ่ เป็นต้น

-          วิถีชีวิต : ในช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นช่วงฤดูการผลไม้ทางภาคตะวันออกของไทย นับเป็นโอกาสดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบผลไม้จะได้เดินทางไปสัมผัสวิถีชาวสวนและ  ลิ้มลองรสชาติของผลไม้ขึ้นชื่อ อาทิ ทุเรียน มังคุด ได้ด้วยตนเองถึงสวนผลไม้ นอกจากนี้ ททท. ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อไปสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนบ้านบางพลับ จังหวัดสมุทรสงคราม   ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ปั่นจักรยานชมวิถีชุมชน ตลาดน้ำ (ตลาดน้ำอัมพวา และ      ตลาดน้ำท่าคา)

 นอกจากนี้ ททท. ยังให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มความสนใจพิเศษที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว      ชาวอินเดีย อาทิ กลุ่ม Wedding & Honeymoon ประเทศไทยแหล่งท่องเที่ยวประเภทหาดทรายชายทะเลที่มีความสวยงาม โรแมนติก เช่น หัวหิน กระบี่ และเกาะสมุย ทั้งยังมีบริษัทผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดงานแต่งงานและโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ต้องการฉลองฮันนีมูน ที่สามารถตอบรับทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ กลุ่ม Shopping นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเพื่อจับจ่ายสินค้าระดับ Hi-end ในศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพมหานคร อาทิ Central Embassy, Siam Paragon, Gaysorn และ Em district เป็นต้น รวมไปถึงตลาดกลางคืนซึ่งมีสินค้าและอาหารสตรีทฟู้ดมากมายให้เลือกสรรในราคาที่เหมาะสม อาทิ ตลาดนัดรถไฟ ตลาดรัชดา เป็นต้น และกลุ่ม Family Fun เป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้ TripAdvisor ได้ประกาศให้สวนสนุกและสวนน้ำของประเทศไทยจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สวนน้ำรามายณะ (จ.ชลบุรี) สวนน้ำ The Black Mountain   (จ.ประจวบคีรีขันธ์) และ สวนน้ำ The Cartoon Network Amazone  (จ.ชลบุรี) ให้ติดอันสวนน้ำที่ ดีที่สุดในทวีปเอเชียอันดับที่ 3 6 และ 7 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการการันตีว่าประเทศไทยยังมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวอีกด้วย

ภายในงานยังมีกิจกรรมสาธิต อาทิ การแกะสลักผลไม้ไทย การเพ้นท์สีลายไทยบนมือ  การเพ้นท์หัวโขน การทำขนมไทย เป็นต้น และผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังการแสดงดนตรีสด “Open to the New Shades” โดยศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง “คุณโก้ Mr. Saxman” สามารถสร้างความประทับใจแก่สื่อมวลชนและผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวชาวอินเดียได้เป็นอย่างยิ่ง และในโอกาสนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร       ยังได้มอบรางวัลเกียรติคุณรวมทั้งสิ้น 10 รางวัล ให้แก่พันธมิตรด้านท่องเที่ยวชาวอินเดีย ได้แก่ บริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน และสายการบิน ที่สนับสนุนการทำงานของ ททท. เป็นอย่างดี

และเพื่อเป็นการต่อยอดการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวชาวอินเดียอย่างต่อเนื่อง ททท. ได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดีย รวมจำนวน 150 ราย เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยในมุมมองใหม่ตามแคมเปญ Amazing Thailand Open to the new Shades ในวันที่ 30 มีนาคม – 2 เมษายน 2561 อีกด้วย

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมายังประเทศไทยสามารถขอรับการตรวจลงตราได้ที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองได้เลย (VISA ON ARRIVAL) และมีเที่ยวบินระหว่างสาธารณรัฐอินเดียกับประเทศไทย จำนวน 240 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จาก 17 เมืองหลักของสาธารณรัฐอินเดีย

แสดงผล 1498 ครั้ง