ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม

3 องค์กรหลัก ททท. - พีทีที โกลบอล เคมิคอล - มูลนิธิอีโคอัลฟ์ ร่วมแก้ปัญหาขยะในทะเลอย่างยั่งยืนที่ “เกาะเสม็ด”

วันนี้ (1 กันยายน 2560) ณ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด จังหวัด ระยอง พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และนายฮา เวียร์โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์ ราชอาณาจักรสเปน ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม โครงการ Upcycling the Oceans, Thailand ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการ ปัญหาขยะในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย พร้อมเปิ ดตัวกิจกรรมด้านเก็บขยะในทะเลและ เก็บขยะบริเวณชายหาด พร้อมมอบถังขยะและถุงขยะให้กับอุทยานฯ และจังหวัดระยอง เพื่อ ส่งเสริมการทิง้ขยะและการแยกขยะพลาสติกซึ่งสามารถน าไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ีมี มูลค่าได้

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ปัญหาขยะในทะเลนับเป็นปัญหาส าคัญของไทยและทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อ ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งทะเลและมหาสมุทรเป็นแหล่งรองรับของเสียจ านวนมากที่มาจาก กิจกรรมต่างๆ ทั้งการท่องเที่ยว การประมง การเดินเรือ เป็นต้น ท าให้เกิดมลพิษทางทะเลและส่งผลกระทบ ต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในทะเล กระทรวงฯ จึงดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณ ขยะในทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่เกาะที่มีนักท่องเที่ยวจ านวนมากและมีหลายกิจกรรมที่คุกคามต่อ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น การทิ้ งขยะปฏิกูลลงทะเล การให้อาหารปลา การทิ้งสมอเรือบริเวณ แนวปะการัง ทำให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังซึ่งกระทรวงฯ จะเข้าไปบริหารจัดการเพื่อควบคุมดูแล ให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม โดยค านึงถึงระยะเวลาในการใช้งานให้ยาวนาน และ ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด สำ หรับโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand นับเป็น เป็นโครงการหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนภาครัฐจัดการปัญหาขยะซึ่งเป็นปัญหา ถูกระบุให้เป็น 1ในยุทธศาสตร์ 10 ด้าน ในเรื่องของทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเป็นปัญหาระดับสากลที่ต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไข โดยการเก็บขยะ จากแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ชายฝั่งและหมู่เกาะของประเทศไทยมาแปรรูปโดยการเพิ่มมูลค่า ซึ่งโครงการ คาดว่าจะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกในท้องทะเลไทยไม่น้อยกว่า 10 ตันในปี 2560

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า “ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมในแหล่ง ท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึงปัญหาขยะในทะเล ส่งผลต่อระบบนิเวศในทะเลและภาพลักษณ์ของแหล่ง ท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจัดการปัญหาขยะอย่างเป็นระบบและทันท่วงทีอาจส่งผล ต่อความสามารถในการแข่งขันด้ านการท่องเที่ยวโดยรวมของไทยซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้ ประเทศไทยเป็ นอันดับต้ นๆ ได้ดังนั้น ททท. จึงร่วมกับพีทีทีจีซี และมูลนิธิอีโคอัลฟ์ ดำเนินโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand เพื่อการจัดการขยะในทะเลไทยอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนให้เกิดการ อนุรักษ์ท้องทะเลไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible tourism) อาทิการทิ้งขยะ ให้เป็นที่เป็นทาง การเก็บขยะชายหาดและขยะในทะเล เป็นต้น โดยพื้นที่นำร่องของโครงการ คือ ฝั่งทะเล ตะวันออก ได้แก่ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้แก่ เกาะเต่าและเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ ธานี และฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งเชื่อว่า ด้วยความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในการร่วมจัดการขยะอย่างเป็นระบบในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งและหมู่เกาะที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจและสร้ างจิตส านึกการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องจะช่วยปกป้องรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลไทยให้อุดม สมบูรณ์และสวยงาม”

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์ มีเชาว์ ประธานเจ้ าหน้ าที่ บริ หารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีจีซีกล่าวว่า “พีทีทีจีซี มีความมุ่งมั่นในการด าเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน โดยได้ประยุกต์หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อผลิตภัณฑ์หมดอายุกลายเป็น ขยะจะถูกนำไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป โดยแนวทางนี้จะส่งเสริมให้เกิดความ ยั่งยืนและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของทั่วโลก ซึ่งโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand เป็นโครงการที่บูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและแก้ปัญหาขยะในทะเลเพื่อ ระบบนิเวศที่ดีขึ้น โดยการเก็บขยะพลาสติกในทะเล ได้แก่ ขยะขวดพลาสติกใสหรือขวด PETและขยะจาก พลาสติกโพลิเอทิลีน (PE) เช่น ถุงพลาสติก ขวดพลาสติกทึบ มาแปรรูปด้ วยนวัตกรรมที่เป็ นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาเป็นเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่มีมูลค่าสูงขึ้น การด าเนินโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand จึงช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสร้ างคุณค่าของขยะให้เกิดมูลค่าและ ประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติข้อที่ 14 Life Below Water ที่ให้ความส าคัญในด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งและ การป้องกันและลดมลพิษทางทะเล”

นายฮาเวียร์โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์ กล่าวว่า “มูลนิธิอีโคอัลฟ์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบของขยะในทะเลอย่างจริงจังและได้ จัดทำโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในเอเชีย โดยร่วมมือกับ ททท. และบริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ดำเนินการจัดเก็บขยะในทะเล ไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งการจัดเก็บ การแปรรูป และพัฒนาเป็นเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ซึ่งโครงการได้มีการ ติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ชุมชนและหน่วยงาน ท้องถิ่น ผู้ประกอบการแยกขยะ โรงงานแปรรูป เป็นต้น ซึ่งคาดจะสามารถเก็บรวบรวมขยะพลาสติกที่เกาะ เสม็ดตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 และจะน าไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบทั้งเส้นใยและเม็ดพลาสติกได้ในช่วงต้นปี หน้า” ทั้งนี้  โครงการ Upcycling the Oceans, Thailand มีระยะเวลาด าเนินการ 3 ปี (2560 – 2562) โดยในช่วงปีแรกจะมุ่งเน้นการให้ความรู้ และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ พร้ อมทั้งการ ติดต่อประสานงานพันธมิตรสำหรับการจัดการขยะ ทั้งการเก็บขยะ แยกขยะ และแปรรูปขยะ ปีที่ 2 จะ มุ่งเน้นการแปรรูปขยะด้วยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเป็นวัตถุดิสำหรับการผลิต และปี ที่ 3 จะพัฒนาและ ออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นที่แปรรูปจากขยะในทะเล

แสดงผล 1273 ครั้ง